เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหันไปมองทางไหน (ในงานมอเตอร์โชว์ต่างแดน) จะต้องเจอกับระบบไฮบริด แม้แต่ในกลุ่มของแบรนด์ซูเปอร์คาร์ระดับไฮเอนด์ เทคโนโลยีขุมพลังลูกผสมแบบนี้ก็ยังกลายเป็นอีกทางเลือกที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้สอดรับกับยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่รถยนต์จะต้องให้ความประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะมาในแบบตัวถังสไตล์ไหนก็ตาม
เฟอร์รารี่กับการกระโดดเข้าสู่ตลาดพลังงานทางเลือกไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะถ้ายังจำกันได้ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2008 ค่ายม้าลำพองก็เคยเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า 430 BioFuel ออกมาแล้ว ซึ่งเป็นการปรับเครื่องยนต์วี8 4,300 ซีซีตัวแรงให้สามารถรองรับกับการใช้งาน E85 ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐอเมริกา ส่วนในปีนี้ เฟอร์รารี่จับเอา 599GTB Fiorano สปอร์ตรุ่นใหญ่มาติดตั้งระบบไฮบริดเข้าไป
โปรเจ็กต์นี้ไม่ใช่ของทำโชว์เฉยๆ เพราะในช่วงของการเปิดตัวที่เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลูก้า ดิ มอนเตเซโมโล ประธานของเฟอร์รารี่เผยว่า นี่คือบันไดก้าวแรกของเฟอร์รารี่ในการเดินหน้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง และตามเป้าหมายของบริษัทที่วางเอาไว้ในเรื่องของการลดการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศของรถสปอร์ตของเฟอร์รารี่ทุกรุ่นในอีก 3 ปีข้างหน้าให้ลดลงอีก 35% จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ระบบไฮบริดคือ ทางเลือกสำหรับเรื่องนี้แบบไม่ต้องเสียเอกลักษณ์ เพราะเฟอร์รารี่นำชื่อของเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในรถแข่ง F1 เมื่อปี 2009 อย่างระบบ KERS หรือ Kinetic Energy Recovery Systems มาประยุกต์ใช้ และในเมื่อถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ระบบ HY-KERS ของเฟอร์รารี่รุ่นนี้ (ซึ่งย่อมาจาก Hybrid-KERS) ก็ควรจะไม่ธรรมดา และ (น่าจะ) แตกต่างจากระบบไฮบริดทั่วไป
สำหรับส่วนประกอบของตัวรถคือ การติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 แรงม้าเข้าไปในตัวรถ โดยติดตั้งอยู่ที่บริเวณเพลาท้ายต่อจากชุดเกียร์ F1 โดยที่ทางเฟอร์รารี่บอกว่าระบบไฮบริดทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปไม่ส่งผลกระทบต่อบุคลิกโดยรวมของตัวรถแต่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เฟอร์รารี่ก็ยังไม่เปิดเผยถึงสไตล์การทำงานของระบบว่าจะไฮเอนด์เหมือนกับระบบ KERS ในรถแข่ง F1 หรือตัวแข่งปอร์เช่ GT3R Hybrid ที่พัฒนาร่วมกับทีมวิลเลี่ยมส์ F1 หรือไม่ เพราะในระบบนี้ผู้ขับสามารถกดปุ่มเพื่อดึงพลังพิเศษมาใช้ด้วยการกระตุ้นให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนด้วยหรือไม่ และรออีกสักพักให้มอเตอร์ไฟฟ้าชาร์จกระแสไฟฟ้า (โดยอาศัยจังหวะการเบรกหรือถอนคันเร่ง) เข้ามาเก็บในระบบอีกครั้ง (ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที) ก็สามารถกดใช้งานได้อีก ซึ่งถ้าขาดตรงนี้ไปแล้ว สุดท้ายระบบไฮบริดของเฟอร์รารี่ ก็คงจะเรียกว่าระบบ KERS ได้ไม่เต็มปากนัก
ใครที่อยากขับเฟอร์รารี่ไฮบริดเก็บเงินรอได้เลย เพราะอีกไม่เกิน 4 ปี เฟอร์รารี่นำระบบนี้มาติดตั้งในรถสปอร์ตทั้งเครื่องยนต์วี8 และวี12 ของตัวเองอย่างแน่นอน